ชื่อเต็ม มาริโอ บาร์วูอา บาโลเตลลี่
วันเกิด 12 สิงหาคม 1990 (24ปี)
สถานที่เกิด เมืองปาแลโม่ ประเทศอิตาลี
ส่วนสูง 189 เซนติเมตร
ตำแหน่ง กองหน้า
เท้าที่ถนัด เท้าขวา
สโมสรปัจจุบัน ลิเวอร์พูล
ประวัติคร่าวๆ
มาริโอ บาร์วูอา บาโลเตลลี่ นักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาลีเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับทีมลิเวอร์พูลและทีมชาติอิตาลี ทั้งนี้บาโลเตลลี่เราก็พอทราบกันดีว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีนิสัยหรือพฤติกรรมที่แย่มาก บาโลเตลลี่เป็นอิตาลีเชื้อสายกาน่าครอบครัวมีฐานะยากจนมากและเขายังมีปัญหาสุขภาพตั้งแต่เด็กทำให้พ่อกับแม่เขาต้องตัดสินใจส่งให้คนที่มีฐานะดีกว่าเลี้ยงดูตั้งแต่เขาอายุเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้น
เส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
บาโลเตลลีเริ่มอาชีพในฐานะนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรลูเมซซาเน ต่อมาและได้เล่นในทีมชุดใหญ่เพียงแค่2 ครั้งเคยทดสอบฝีเท้ากับบาร์เซโลนา แล้วว่าแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ และหลังจากนั้นได้ร่วมกับอินเตอร์มิลานในช่วงปี ค.ศ. 2007 กุนซือโรแบโต้ มันซินี่ ผู้จัดการทีมนำบาโลเตลลีเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ แต่เมื่อมันซินีออกจากทีมไปวินัยของบาโลเตลลีก็แย่ลง เมื่อบาโลเตลลีไม่ลงรอยกับโซเซ มูรินโย ผู้ช่วยผู้จัดการทีมและในเดือนมกราคม ในปีค.ศ. 2009 เขาก็ถูกพักออกไปจากทีมชุดใหญ่หลังมีปัญหาด้านวินัย ปัญหาเริ่มมากขึ้นในเดือนมีนาคม เมื่อปีค.ศ. 2010 เมื่อถูกวิจารณ์อย่างหนักจากแฟนๆอินเตอร์มิลาน ต่อมาเมื่อบาโลเตลลีออกรายการโทรทัศน์อิตาลีที่ชื่อ Striscia laNotizia โดยสวมเสื้อเอซี มิลาน สถานการณ์ในทีมของบาโลเตลลียังแย่ลงเรื่อยๆแต่ถึงอย่างไรก็ตาม แต่เขาก็ยังได้ลงสนามเป็นครั้งคราว และสถานการณ์ก็มาเลวร้ายสุดๆ และเมื่อบาโลเตลลีโยนชุดอินเตอร์ มิลานลงบนพื้น นอกจากนั้นหลังจากถูกแฟนบอลสโมสรโห่ในรายการ บอลยุโรปถ้วยใหญ่อย่างยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก ในรอบรองชนะเลิศที่เสมอกับบาร์เซโลนา
เมื่ออนาคตกับอินเตอร์มิลานไม่แน่นอน มาริโอ บาร์วูอา บาโลเตลลีก็ได้รับการติดต่อจากมันซินี อดีตผู้จัดการของอินเตอร์มิลานให้ย้ายไปร่วมกับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษและที่นั่นบาโลเตลลีได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องแต่ทว่าช่วงปลายฤดูกาลมันชินีได้ระบุว่าบาโลเตลลีเป็นนักฟุตบอลที่ไม่อาจจะควบคุมได้ หลังจากนั้นต่อมาและสั่งระงับการลงเล่นของเขาในรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก เป็นการแข่งในนัดที่พบกับเรอัลมาดริด ถึงขนาดมีข่าวลือว่าทั้งคู่เกือบจะชกต่อยกันในสนามฝึกซ้อม แต่ว่ามันชินีก็ได้ปฏิเสธ ภายหลังต่อมาบาโลเตลลีได้ย้ายไปเล่นให้กับทีมเอซีมิลาน ในซีเรียอาอิตาลีประเทศของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ต้นฤดูกาลที่2014-15 จนต่อมาเมื่อลิเวอร์พูลได้ขอซื้อตัวบาโลเตลลีกลับไปยังพรีเมียร์ลีกอีกครั้งด้วยค่าตัว ราวๆ16 ล้านปอนด์ สัญญาไป3 ปี โดยทั้งที่สโมสรที่มีเขากับบาโลเตลลีมาอย่างต่อเนื่องคือ สโมสรอาร์เซนอล
สโมสรอินเตอร์มิลาน
บาโลเตลลีได้ย้ายไปอินเตอร์มิลานในปีที่2006 ซึ่งโดยยืมตัวแบบดป็นเจ้าของร่วมกันในราคาเบื้องต้น 150,000 ยูโร วันที่ 8 พฤศจิกายน ในปี2007 และเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของเกมที่พบ สโมสรเซฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โดยเป็นแมตช์ฉลองครบ 150 ของเซฟฟิลด์ ซึ่งโดยเกมนั้นเขายิงไปได้ถึง2 ลูกจากชัยชนะ 5-2 บาโลเตลลีได้ลงเล่นนัดแรกในเซรีอาในเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2007 ลงไปแทนที่ ดาวิด ซัวโซ่ ในเกมที่ชนะกายารี่ ด้วยสกอร์2-0 ในเดือนพฤศจิกายน 2008 บาโลเตลลีกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดของอินเตอร์มิลานที่ยิงประตูได้ในรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกโดยซัดไป 1 เม็ด และในนัดที่เสมอ อนอร์โธซิส ฟามากัสต้า 3-3
พนันบอลออนไลน์
สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิติ้
วันที่ 12 สิงหาคม 2010 บาโลเตลลีตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับด้วยค่าตัว 21.8 ล้านปอนด์โดยเป็นการร่วมงานกันอีกครั้งกับเจ้านายเก่าของเขานั่นก็คือ โรแบโต้ มันชินี ซึ่งเขาเลือกสวมเบอร์ 45 ที่ขอมาจากอดีตดาวเตะอย่าง เกริกดันนิ่งแฮม วันที่ 19 สิงหาคม 2010 บาโลเตลลีลงประเดิมให้ทีมในเกมที่บุกไปเยือน สโมสรโปเลคติก้า ทิมิโซร่า 1-0 ในถ้วยยูโรป้า ลีก จากนั้นวันที่ ยี่สิบสี่24 ตุลาคม 2010 ก็เปิดซิงให้ทีมในเกมลีกที่แพ้อาร์เซนอล 3-0 ต่อมาวันที่ 30 ตลาคม เขาทำให้ทีมได้ 1 ประตู และในเกมที่เฉือนชนะ วูลฟ์แฮมป์ตันไป 2-1 วันที่ 21 ธันวาคม 2010 บาโลเตลลี่เขาได้รับรางวัลโกเด้น เดอะบอย ซึ่งได้รับถัดจาก ลิโอเนล เมสซี่ ในปีก่อน วันที่ 28 ธันวาคม เมื่อปี2010 เขาทำแฮตทริกครั้งแรกให้ทีม ในนัดที่ถล่ม แอสตัว วิลล่า 4-0 วันที่ 14 พฤษภาคม 2011 และเขาได้รับเป็นแมน ออฟ เดอะ เดอะแมตช์ ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่ชนะ สโต้ค ซิตี้ ไป 1-0 เป็นโทรฟี่แรกของสโมสรในรอบ 35 ปี
ในฤดูกาลที่2011-12
เขาประเดิมลูกแรกของฤดูกาล 2011-12 ในนัดที่ชนะ เบอร์มิงแฮม ซิติ้ ไป 2-0 ในถ้วยลีกคัพ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2011 เขากดไปสองลูกในเกมที่ชนะ แมนเชเตอร์ฯยูไนเต็ด คาสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด 6-1 จากนั้นเขาได้ประเดิมเกมถ้วยยุโรปครั้งแรกที่พบกับ บียาร์ริล โดยซัดจุดโทษไป 1 ลูก
ในฤดูกาลที่2012-13
ในเดือนธันวาคม ในปี2012 เขามีปัญหาอีกครั้งจนถูกลงโทษปรับเงินค่าแรง 2 สัปดาห์ มีอยู่ในเรื่องความประพฤติ จนพลาดการเล่นไปอีก 11 เกมเพราะโทษแบน พนันบอลออนไลน์
สโมสรเอ.ซี. มิลาน
วันที่ 29 มกราคม 2013 ปีศาจแดงดำ เอซีมิลาน ประกาศคว้าตัวเขามาร่วมทีม ด้วยสัญญา 5 ปี มูลค่าประมาน20ล้านปอนด์โดย มันชินี บอกว่านี่คือเรื่องที่ถูกต้องที่เขาย้ายไป และต่อมาสักวันเขาจะกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก โดยบาโลเตลลี ยังเลือกสวมเบอร์ 45 ตามเดิม
ในฤดูกาลที่2012-13
วันที่ 3 มีนาคม มาริโอ บาโลเตลลีประเดิมเหมาสองประตูให้ มิลาน ในเกมที่ชนะอูดิเน่เซ่ ด้วยสกอร์2-1 ต่อมาเขากดเบิ้ลได้อีกในเกมที่เจอกับ ปาร์ม่า ซีซั่นนี้เขาโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจมาก และเมื่อจบซีซั่นเขาซัดไป 12 ลูก จาก 13 เกม และพาทีมคว้าโควต้า ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ได้ด้วย พนันบอลออนไลน์
ในฤดูกาลที่2013-14
วันที่ 22 กันยายน 2013 หัวหอกชาวอิตาลีผิวสีเขาพลาดการยิงจุดโทษเป็นครั้งแรกจาก ทั้งหมด22 ครั้ง โดยถูกเซฟจาก เปเป เรน่า ในเกมแพ้ นาโปลี 2-1 โดยเกมที่ฮือฮาของเขาคือเกมที่เสมอ ทีมอย่างลิวอร์โน่ 2-2 เขายิงฟรีคิกจากระยะ 30 หลาด้วยความแรง 109 กิโลเมตรต่อชั่งโมง
ในฤดูกาลที่2014-15
วันที่ 21 สิงหาคม 2014 เอซีมิลานได้ตกลงขายเขาให้กับทีม ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ ซึ่งโดยมีรายงานว่าเขาเตรียมออกจากมิลาน พร้อมร่ำลาทีมไว้เรียบร้อยแล้ว
สโมสรลิเวอร์พูล
บาโลเตลลีได้ย้ายจากสโมสรเอซี มิลานมาอยู่กับ สโมสรลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว ประมาน16 ล้านปอนด์ โดยเขาก็ได้สวมเสื้อหมายเลข เบอร์45 ในวันที่ 31 สิงหาคม 2014 เขาได้ลงสนามนัดแรกในเกมที่ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่ ไวต์ฮาร์ตเลน 3-0 ต่อมาในวันที่ เมื่อ16 กันยายน 2014 เขาได้ทำประตูแรกให้กับลลิเวอร์พูล ในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก เป็นนัดที่ลิเวอร์พูลเอาชนะ สโมสรลูโตโกเร็ตส์ ราซกราด จาก บัลแกเรีย ด้วยกอร์2-1 ได้ที่สนามแอนฟิลด์ ต่อมาใน แคปปิตอล วัน คัพ ในรอบที่ 3 หัวหอกอย่างบาโลเตลลีได้ลงสนามเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ทีมเสมอกับ มิดเดิลส์เบรอ ไปด้วยสกอร์1-1 ในเวลา 90 นาที และในช่วงต่อเวลาพิเศษเสมอ 2-2 ทำให้ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษและ เมื่อบาโลเตลลี ยิงจุดโทษเข้า 2 ประตู ช่วยให้ลิเวอร์พูล เอาชนะในการยิงจุดโทษ ไปด้วยผล14-13 ต่อมาใน แคปปิตอล วัน คัพ รอบที่ 4 เขาได้ลงสนามเป็นตัวสำรองและยิงประตูตีเสมอใช่วงท้ายเกมการแข่งขันก่อนที่ลิเวอร์พูลเอาชนะ สวอนซีซิตี้ 2-1 ได้ที่สนามแอนฟิลด์ พนันบอลออนไลน์
ทีมชาติอิตาลี
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012
วันที่ 10 มิถุนายน 2012 มาริโอบาโลเตลลีได้เป็นนักเตะผิวสีคนแรกที่ได้ลงสนามให้อิตาลีในทัวร์นาเม้นใหญ่ในเกมที่เสมอ ทีมชาติสเปน 1-1 โดยเป็นเกมที่เขาโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่ ต่อมา วันที่ 18 มิถุนายน 2012 เขาก็ทำประตูแรกในรายการนี้ได้ในเกมชนะ ไอซ์แลนด์ ไปด้วยผล2-1 โดยจังหวะฉลองประตู เขาถูก เลโอนาโด้ โบนุชชี่ ปิดปากไว้ เพราะเนื่องจากกลัวจะสร้างปัญหาอะไรขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็โดน โค้ชอย่างเซซาเร่ ปรันเดลลี่ ดอร์ปไว้ข้างสนาม เนื่องจากโชว์ฟอร์มไม่ดี และโดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การเหมาสองลูก พาทีมชนะเยอรมนีไป 2-1 อยู่ภายใน 40 นาทีแรกของเกม และพาทีมเข้าชิงชนะเลิศ แม้ที่สุดจะได้แค่รองแชมป์หลังแพ้สเปน 4-0 ก็ตาม
ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก
วันที่ 1 มิถุนายน 2014 มาริโอบาโลเตลลี ถูกเรียกตัวติดใน 23 ผู้เล่นทีมชาตอิตาลี ชุดลุยบอลโลก ในปี2014 โดยนัดเปิดสนามเขายิงประตูชัยให้ทีมชนะ อังกฤษ 2-1 แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาตกรอบแรกของรายการนี้

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น